หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 15


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ.เนาวรัตน์พัฒนาการ'ที่ 'BBB-' และเปลี่ยนแนวโน้มเป็น 'Stable' จาก 'Negative'

 

     ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BBB-' พร้อมทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น ‘Stable’หรือ’คงที่’ จาก’Negative’หรือ ‘ลบ’โดยแนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’ สะท้อนถึงการคาดหวังว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการได้รับสัญญางานก่อสร้างใหม่

      อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่หลากหลายของบริษัททั้งในภาครัฐและภาคเอกชน อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงมุมมองในเชิงบวกสำหรับภาพรวมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนจากภาระหนี้ที่สูง ตลอดจนลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การแข่งขันที่รุนแรง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่ทำได้ต่ำกว่าแผน

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับและความสามารถในการแข่งขัน

       สถานะทางธุรกิจของบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการที่อยู่ในระดับปานกลางเกิดจากการมีผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผนและผลงานที่แล้วเสร็จ อีกทั้งบริษัทยังสามารถดำเนินโครงการงานก่อสร้างได้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยบริษัทจัดอยู่ใน 6 อันดับแรกของกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในแง่ของรายได้ต่อปีและขนาดของสินทรัพย์

     บริษัทให้บริการงานก่อสร้างหลากหลายประเภท เช่น งานก่อสร้างอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม งานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ท่าเรือ ระบบชลประทาน อุโมงค์ และงานดันท่อลอด เป็นต้น

      บริษัทเน้นงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ แต่บริษัทมีข้อจำกัดในการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ มีผลงานโครงการขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ และมีเงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงเข้าประมูลงานประเภทดังกล่าวภายใต้กิจการร่วมค้าหรือเป็นผู้รับเหมาช่วง

      ในปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น 'Negative' หรือ 'ลบ' เนื่องจากสถานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอลง อีกทั้งรายได้ของบริษัทที่มีแนวโน้มลดลงจากมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ของบริษัทที่หดตัวลง ทั้งนี้ บริษัทไม่สามารถชนะการประมูลงานในโครงการต่าง ๆ ทำให้บริษัทได้งานใหม่น้อยลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบลดลงเหลือประมาณ 10,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งเป็นมูลค่างานคงเหลือที่ต่ำที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตมีแนวโน้มลดลง

 

มูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบกลับมาอยู่ในระดับปกติ

      การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น 'Stable' สะท้อนถึงมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทกลับมามีรายได้ในระดับเดิม โดยในปี 2561 บริษัทได้งานใหม่มูลค่ารวมประมาณ 12,500 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 15,300 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561

     จากการพยายามหางานใหม่เข้ามาเพิ่ม บริษัทได้งานจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงในโครงการขนาดใหญ่ โดยโครงการหลัก ๆ ที่ได้รับในปี 2561 ประกอบด้วย งานโครงสร้างและงานสถาปัตย์โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู รวมมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของงานใหม่ทั้งหมด และเมื่อพิจารณามูลค่างานใหม่ทั้งหมด ประมาณ 75% เป็นการรับงานจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลัก และเป็นผู้ว่าจ้างที่ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ

 

มุมมองเชิงบวกสำหรับธุรกิจรับเหมาภายในประเทศ

      ทริสเรทติ้ง ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกสำหรับภาพรวมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จำนวนมากของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในส่วนของบริษัทนั้นมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่จากโครงการเหล่านี้ทั้งในฐานะที่เป็นผู้รับเหมาหลักหรือผู้รับเหมาช่วง

      อันดับเครดิตยังคงมีข้อจำกัดจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้รับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะในกรณีเกิดความล่าช้าในการประมูลงานหรือการลงนามในสัญญา ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท

 

ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ทำได้ต่ำกว่าคาดการณ์

Ads by AdAsia

You can close Ad in 5 s

       ความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นประเด็นกังวลต่ออันดับเครดิต บริษัทได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อเพิ่มฐานรายได้ บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ผ่านบริษัทย่อยของบริษัทโดยได้เปิดขายบ้านเดี่ยวจำนวน 2 โครงการและคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการด้วยมูลค่ารวมประมาณ 3,400 ล้านบาท อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่รุนแรงของตลาดที่อยู่อาศัยและชื่อเสียงของบริษัทยังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้บริษัทยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ โดยยอดขายโครงการบ้านเดี่ยวยังคงต่ำกว่าที่คาดไว้

 

รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีสัดส่วนค่อนข้างต่ำและไม่เพียงพอที่จะสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทได้ ในอนาคต

        ทริสเรทติ้ง ไม่คาดว่าบริษัทจะเติบโตในธุรกิจนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทจะต้องเผชิญกับสินค้าเหลือขายและต้องแบกภาระต้นทุนทางการเงินของโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

คาดว่าผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักจะปรับเพิ่มขึ้น

       จากมูลค่างานในมือและโอกาสในการได้งานใหม่ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะกลับมามีรายได้ประมาณ 9,000-12,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าประมาณการครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากบริษัทได้งานใหม่จากการเป็นผู้รับเหมาช่วง ซึ่งโดยทั่วไปจะมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงยังคงมีมุมมองว่าบริษัทต้องให้ความสำคัญในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อที่จะเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

       ในการประมาณการในช่วงปี 2562-2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ได้สูงกว่า 6% นอกจากนี้ บริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี และมีเงินทุนจากการดำเนินงาน (FFO) ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งระดับ EBITDA และ FFO จะมากกว่าประมาณการครั้งก่อนของทริสเรทติ้ง

 

ภาระหนี้ยังอยู่ในระดับสูง

        บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยระดับหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่ปี 2557 จาก 3 เหตุผลหลักคือเพื่อรองรับความต้องการเงินทุนหมุนเวียน การขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน จากประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 50% ในช่วงปี 2562-2564 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะทรงตัวอยู่ในช่วง 12%-15% ขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 3 เท่า

        ในอนาคตบริษัทจะยังคงมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูงหากบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้ดีขึ้นและเร่งการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ ทั้งนี้ ระดับภาระหนี้ดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัท การมีรายได้หรืออัตรากำไรที่ลดลงจะส่งผลต่อสถานะทางการเงิน

 

สภาพคล่องผ่อนคลายขึ้น

      ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องระยะสั้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้าได้ดีขึ้น ในช่วงกลางปี 2561 บริษัทได้รับเงินประมาณ 300 ล้านบาทจากคดีฟ้องร้องกรณีหนึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 บริษัทมีเงินสดจำนวน 788 ล้านบาทและวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 597 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท

     บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1,300 ล้านบาทและเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 657 ล้านบาท ซึ่งภาระหนี้ระยะสั้นส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้าง บริษัทมีกำหนดชำระคืนตามความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้าง ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถต่อสัญญาการกู้ใหม่ออกไปได้ จากการมีมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบจำนวนมากขึ้น

       บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.5 เท่าเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้ โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 2.1 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

•             ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง เราคาดว่ารายได้ของบริษัทจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 9,200 ล้านบาทในปี 2562 ไปเป็น 11,700 ล้านบาทในปี 2564

•             อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 7%-8% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 6%

•             บริษัทจะได้งานรับเหมาก่อสร้างใหม่มูลค่า 12,500 ล้านบาทในปี 2561 มูลค่า 9,000 ล้านบาทในปี 2562 และมูลค่า 7,000 ล้านบาทในปี 2563 และปี 2564

•             อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

        แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable'หรือ 'คงที่'สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจหลักเอาไว้ได้ และจะสามารถประมูลงานใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาครัฐเร่งประมูลงานโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทสามารถสร้างอัตราผลกำไรได้ตามประมาณการของทริสเรทติ้ง เช่น อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 6% นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 50% ในขณะที่บริษัทยังคงปฏิบัติตามเงื่อนไขของการกู้ยืมเงินได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

      การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ามีค่อนข้างจำกัดเนื่องจากภาระหนี้สินของบริษัทคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีสัดส่วนที่น้อย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลดลงของภาระหนี้และการเพิ่มอัตรากำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท

     ในทางตรงข้าม อันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิต อาจปรับลดลงได้หากบริษัทไม่สามารถประมูลงานใหม่ได้ หรือความสามารถในการทำกำไรต่ำกว่าประมาณการ และสถานะทางการเงินอ่อนแอลง เช่น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินต่ำกว่า 10% หรืออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุนสูงขึ้นถึง 60% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR)

อันดับเครดิตองค์กร:             BBB-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

NWR208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,720.1 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563               BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

                    บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

                    ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90SIAM790x90

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!