ปั่นไปไม่ทิ้งกัน ปี 2 ก้าวสู่วันที่ 3 'ชลบุรี-ระยอง'ระยะทาง 135 กิโลเมตร เหล่านักปั่นจักรยานตั้ง'ทีมพุ่มผ้าป่า' กระจายตามแหล่งท่องเที่ยว ระดมทุนสานฝัน 'ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน'

     'ปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ปี 2' วันที่ 3 เริ่มปล่อยตัวจากแหลมแท่น จังหวัดชลบุรี เวลา 8.00 น. โดยมีเรือโทศตวรรษ อนันตกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ตัวแทนภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมพิธีปล่อยขบวนนักปั่นผู้พิการทางสายตาและนักปั่นจิตอาสา จำนวนกว่า 70 ชีวิต ภายใต้ภารกิจระดมทุนสานฝันสร้าง ‘ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน’ เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดระยอง

      พิธีปล่อยตัวในช่วงเช้าเป็นไปอย่างครึกครื้น ท่ามกลางประชาชนมาเข้าร่วมงานกันจำนวนกว่า 120 คน บรรดานักปั่นมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใส พร้อมยืดเส้นยืดสายเตรียมพร้อมร่างกาย และร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับทะเลบางแสน บางคนแต่งชุดแฟนซี เช่น ชุดซูเปอร์แมน ชุดเสื้อเกราะนักรบโบราณ เพื่อสร้างสีสัน ไฮไลต์ของงานอยู่ที่กิจกรรมการแสดงบนเวทีของวงดนตรีคนตาบอดชื่อ "สามสหายหัวใจไร้กังวล" ขับกล่อมบทเพลงไพเราะ ส่งผลให้บรรยากาศช่วงเช้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

       ขณะเดียวกัน ได้รับมอบพุ่มผ้าป่าเงินบริจาคจากน้ำใจชาวเมืองชลบุรีเป็นจำนวนเงินเบื้องต้นประมาณ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) โดยมีเรือโทศตวรรษ อนันตกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นตัวแทนส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะเป็นต้นแบบศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับผู้พิการ

       นางสาวทักษิณา ช่วยบำรุง ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ปี 2 เป็นมิติใหม่ของการช่วยเหลือคนพิการ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของผู้พิการให้ดีขึ้น

       "โครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการให้ดีขึ้น ปัจจุบันจังหวัดชลบุรีมีคนพิการที่ขึ้นทะเบียนไว้ 12,000 คน อยากให้พี่น้องประชาชนสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อให้คนพิการได้ฝึกอาชีพ ให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น"นางสาวทักษิณากล่าว

      สำหรับ เส้นทางการปั่นจักรยานของวันที่สาม เริ่มเคลื่อนขบวนจากแหลมแท่น อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยใช้ถนนสุขุมวิท แวะพักที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตศรีราชา อำเภอศรีราชา ก่อนพักรับประทานอาหารกลางวันและเยี่ยมชมลานวัฒนธรรม หมู่บ้านตะเคียนเตี้ย แหล่งท่องเที่ยวชุมชนชื่อดัง อำเภอบางละมุง เสร็จแล้วเดินทางต่อไปยังวัดหนองใหญ่ สวนนงนุช เมืองพัทยา และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง รวมระยะทางทั้งสิ้น 135 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะถึงจุดหมายในเวลา 17.00 น.

      บรรยากาศการปั่นในวันนี้ เส้นทางเริ่มยากลำบากขึ้น เนื่องจากมีหลายช่วงที่เป็นเนินสูงชัน ประกอบกับกระแสลมต้าน ทำให้อัตราความเร็วในการปั่นค่อนข้างช้า ด้านสภาพอากาศร้อนอบอ้าว แดดจัด แต่ขบวนนักปั่นยังคงปั่นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและรถพยาบาลฉุกเฉิน คอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง

        อย่างไรก็ตาม วันนี้ทีมนักปั่นพุ่มผ้าป่า จำนวนกว่า 30 คัน ยังคงแบ่งเป็นกลุ่มย่อย แยกย้ายออกไประดมเงินบริจาคตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น ริมชายหาดทะเลบางแสน ตลาดนินจา ตลาดหนองมน สวนนงนุช เมืองพัทยา เป็นต้น โดยมีพี่น้องประชาชนเข้ามาชื่นชมให้กำลังใจ มอบเงินสด น้ำดื่ม อาหาร ขนม กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยยอดเงินบริจาคจากช่องทางต่างๆ ที่ได้รับทั้งสิ้นในขณะนี้ อยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านบาท (สามล้านสามแสนบาท)

      สำหรับ เส้นทางปั่นจักรยานในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันที่ 4 (วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562) จะเริ่มต้นที่สวนศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีจุดหมายที่ศูนย์การศึกษาพิเศษจันทบุรี อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีทัศนียภาพสวยงาม แต่มีเนินสูงชันหลายช่วง ลมแรง บวกกับอากาศร้อนจัด ระยะทางทั้งสิ้น 118 กิโลเมตร

      โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ปี 2 ถือเป็นครั้งที่สองของประเทศไทย ที่ผู้พิการตาบอดจำนวน 20 ชีวิต ร่วมกับนักปั่นจิตอาสาปั่นนำอีก 20 ชีวิต จะรวมพลังสามัคคีปั่นจักรยานเป็นระยะทางรวมกว่า 1,500 กิโลเมตร 14 วัน 15 จังหวัด ระหว่างวันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ถึงวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครปฐม เพื่อหาทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ภายใต้ความมุ่งหวังที่จะสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พิการอย่างยั่งยืน และยังเป็นการสานต่องานที่ ‘พ่อ’ทำ ด้วยการเปลี่ยน ‘ภาระ’ ให้กลายเป็นอีกหนึ่ง ‘พลัง’ ในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม.

Click Donate Support Web